PBFilm รีวิวซีรีย์ Dark : ดาร์ก สุดยอดซีรีส์อีกหนึ่งเรื่องของ Netflix

dark-pbfilm-profile

สุดยอดซีรีส์แนว Sci-fi ที่สนุกและซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยดูมา Dark : ดาร์ก ซีรีส์จากฝั่งเยอรมนี ที่ได้สร้างปรากฏการณ์เป็นหนึ่งในซีรีส์ที่ทำคะแนนบนเว็บไซต์ IMDb ได้มากถึง 8.8/10 คะแนน ซึ่งเยอะมาก ปัจจุบันซีรีส์เรื่องนี้ดำเนินเรื่องไปถึง 3 ซีซั่นแล้ว มีจำนวน 26 ตอน ขอเกริ่นนำก่อนเลยว่าหลังจากที่ดูซีรีส์เรื่องนี้จบในหัวมีสารพัดคำถามผุดขึ้นมาเต็มไปหมดอันดับแรกบาทหลวงเป็นใครแล้วเกี่ยวอะไรกับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ทำไมถึงได้ล่วงรู้อนาคตทุกอย่างราวกับได้ไปเห็นได้สัมผัสมาจริงๆ ก่อนที่จะเริ่มไขข้อสงสัยในเรื่องราวซับซ้อนนี้ แนะนำให้ทุกท่านเตรียมสมุดปากกาให้พร้อมเพื่อจดทุกความสัมพันธ์ของตัวละครไม่อย่างนั้นจะจับตนชนปลายไม่ถูกแน่นอนและกรุณาเตรียมใจให้พร้อมเพราะเริ่มเรื่องก็ชวนงงแล้ว

รีวิว+สปอยแหลก ซีรีส์ Dark ดาร์ก ซีซั่น 1-3

สำหรับซีรีส์เรื่องนี้คนดูอาจจะต้องเก็บรายละเอียดมากกว่าการดูที่ผ่านมาเพราะหลายฉากคุณอาจจะพลาดไปเพราะคำพูดขอตัวละครอาจเชื่อมโยงได้หลายมิติ ตัวซีรีส์เองก็ทำออกมาได้ดีดูแล้วไม่น่าเบื่อชวนให้ดูต่อเพราะความสงสัยอีกทั้งตัวละครยังทิ้งปริศนาไว้มากมายจุดเริ่มต้นของอาการหัวร้อนเพราะงง นั้นคือเรื่องของการย้อยเวลานั้นเอง ในซีซั่นแรกเน้นการเล่าเรื่องไปในทางของการสืบสวนปริศนาในถ้ำค้นหาความจริงของการย้อนเวลาผ่านตัวละครหลักของเรื่องอย่าง “โยนาส” เด็กหนุ่มผู้หลงรักป้าของตัวเอง ครอบครัวไม่อบอุ่นแถม แม่เป็นโรคจิตที่มีความสัมพันธ์กับปู่ของเขาโดยบังเอิญ และเขาได้ท่องเวลาการย้อนเวลาทำให้เขาได้เจอพ่อที่แท้จริงในปี 1986 อีกทั้งยังได้เจอตัวเองในอนาคตใน 2052 เหตุการณ์ที่ โยนาส และกลุ่มเพื่อนนักสำรวจได้ไปเจอถ้ำดังกล่าวนั้นทำให้พวกเขาได้เห็นถึงพลังอำนาจว่าในอนาคตจะเกิดการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่จนทำให้โลกแตกเป็นเสี่ยงๆ เข้าสู่ยุคสุดท้ายหรือการสิ้นโลกนั้นเอง เรื่องราวในซีรีส์มีการแฝงไปด้วยแนวคิดและปรัชญาที่อ้างอิงมาจากพระคัมภีร์ไบเบิล

ในขณะเดียวกันเรื่องราวก็ดำเนินมาสู่ซีซั่นที่สองโยนาส กับกลุ่มเพื่อนนักสำรวจได้กลายเป็นนักท่องเวลาสถานการณ์ยุ่งเหยิงกลับมาอีกครั้งเพราะเพื่อนนักสำรวจของเขาที่ชื่อ “อูลริคช์” กลับย้อนเวลาไปในอดีตของตัวเองทำให้เรื่องราวกลับตาลปัตรเกิดการทะเลาะกันอย่างรุนแรงและเกิดการแทรกแซงของเวลา และไทม์ไลน์ทำให้โลกคู่ขนานเกิดการเปลี่ยนแปลง การที่อูลริคช์ตัดสินใจทำแบบนั้นเพราะอดีตของเขาช่างน่าสงสารในช่วงปี 1986 เขาถูกนายตำรวจท่านหนึ่งมองว่าเขาเป็นพวกบูชาซาตานทั้งสองคนนี้ไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่นักมีเรื่องบาดหมางกันอยู่ตลอดจนทำให้นายตำรวจท่านนี้ไม่พอใจ ได้ใส่ร้ายเขาว่าทำร้ายร่างกายและข่มขืน “แคทธารีน่า” จนทำให้เขาโดนจับเขาคุกไปในที่สุด เหตุการณ์ในครั้งนั้นอาจทำให้อูลริคช์อยากกลับไปแก้ไขก็เป็นได้ กลับมาเข้าสู่ซีซั่นที่สาม โลกแห่งความสับสนที่ไม่มีโยนาส โลกที่เป็นต้นกำเนิดโลกที่ไม่มีการสร้าง ทามแมชชีน กุญแจสำคัญในซีซั่นนี้บ่งบอกถึงการรักษาสมดุลโลกหนทางของการแก้ไขปัญหาได้พูดทิ้งท้ายในตอนจบว่า “สิ่งที่เรารู้อาจเป็นเพียงน้ำหยดหนึ่ง หากมองออกไปด้านนอกเราจะพบมหาสมุทร” สรุปโดยภาพรวมกับการทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้ สำหรับใครที่เป็นติ่งซีรีส์ไม่ควรพลาดจริงๆ เพราะซีรีส์แนว Sci-fi เรื่องนี้คือสุดยอดซีรีส์แห่งยุคที่สามารถทำคนทั้งโลกงงไปพร้อมๆ กันได้ และสำหรับคีย์เวิร์ดในประโยคนี้คืออะไร? ท้าให้คุณไปพิสูจน์ด้วยความรู้สึกตัวเองในซีรีส์เรื่อง Dark ดาร์ก ออกอากาศแล้วทาง Netflix